วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ขมิ้นต้น





           ขมิ้นต้น  เป็นพรรณไม้อยู่ในวงศ์ ( Berberidaceae ) มีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่อินเดีย จีนตอนใต้ และ พม่า ในไทยพบทางภาคเหนือที่ดอยสุเทพ และดอย เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นในป่าดิบเขา หรือตามที่ โล่งบนเขาหินปูน ระดับความสูง 1,000-2,200 ม. ในต่างประเทศพบในระดับความสูงจนถึง 2,800 ม. พรรณไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณเป็นสมุนไพร เปลือกรากใช้ แก้ไข้อีดำอีแดง แก้ท้องเสียตาเจ็บ และช่วยให้เจริญ อาหาร ขมิ้นต้น จะชูช่อไสวหยอกล้อลมหนาวที่พัดผ่านมาในช่วงเดือน มกราคมไปจนถึงเดือนมีนาคม
การขยายพันธุ์ : ควรทำการอนุรักษ์ขมิ้นต้นด้วยการร่วมมือกันปกปัก รักษาต้นที่มีอยู่ในถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติให้เจริญเติบโต เป็นต้นแม่พันธุ์ ออกดอกและติดผล สามารถขยายพันธุ์ ตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี และควรทำการขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด เก็บผลแก่นำเมล็ดมาเพาะแล้ว ส่งเสริมให้ปลูกในแหล่งท่องเที่ยว แหล่งพักผ่อน สำนักงานและเขตอนุรักษ์ในพื้นที่ระดับสูงที่มีอากาศ หนาวเย็น นอกพื้นที่ถิ่นกำเนิดเดิม จึงนับเป็นการ อนุรักษ์ขมิ้นต้นได้โดยสมบูรณ์ ทั้งในพื้นที่ถิ่นกำเนิดเดิม และในแหล่งใหม่ที่มีสภาพอากาศคล้ายคลึงกัน

โมกเหลือง




        
           โมกเหลือง จัดเป็นพืชถิ่นเดียวของไทย อยู่ในวงศ์ Apocynaceae หมอคาร์ ชาวไอริช สำรวจพบครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2473 จากอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันพบกระจายอยู่ห่างๆ ที่จังหวัด กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี และสระบุรี โดยจะขึ้นตาม เนินเขาหินปูนเตี้ยๆ ที่ชุ่มชื้น ในระดับความสูง 100- 800 ม. โมกเหลือง จัดเป็นไม้ที่เจริญเติบโตช้า เพราะขึ้น อยู่บนเขาหินปูน คนจึงนิยมนำมาปลูกเลี้ยงและตกแต่ง เป็นบอนไซหรือไม้แคระ
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธ์ุโดยใช้วิธีเพาะเมล็ด ปักชำและตอนกิ่ง แล้วนำลง ปลูกเป็นไม้กระถาง แต่จะเจริญเติบโตได้ช้าเมื่อเทียบ กับการนำมาเสียบกิ่งโดยใช้ต้นโมกมันเป็นต้นตอ ซึ่งจะ เจริญเติบโตได้เร็วและมีทรงพุ่มที่แข็งแรง

จำปีป่า




             จำปีป่า  เป็นพรรณไม้วงศ์จำปาที่สามารถพบได้ ในป่าดิบแล้งทุกภาคของประเทศ ยกเว้นภาคใต้ โดยจะ ขึ้นตามริมลำธารหรือบางครั้งจะพบได้ในป่าดิบเขาที่ ระดับความสูง 600-1,200 ม. ส่วนในต่างประเทศ จะพบกระจายอยู่ในประเทศพม่า กัมพูชา เวียดนาม และทางตอนใต้ของประเทจีน ประเทศไทย
มีการนำจำปีป่ามา ทำโลงจำปา ทำให้จำนวนต้นจำปีป่าในประเทศไทยมี จำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสที่จะสูญพันธุ์ใน ถิ่นกำเนิดได้ง่าย ดังนั้นจึงควรมีการอนุรักษ์ต้นจำปีป่า ขนาดใหญ่เหล่านี้เอาไว้ เพื่อใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ในการ ผลิตเมล็ดพันธุ์สำหรับการขยายพันธุ์ต่อไปในอนาคต
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและทาบกิ่ง

ยี่หุบปลี






              ยี่หุบปลี  เป็นพรรณไม้พื้นเมืองในวงศ์จำปาที่มีทรง ต้นค่อนข้างเล็ก ปลูกให้ออกดอกในพื้นที่ราบลุ่ม ภาคกลาง หลังจากใช้เวลาปลูกเพียงแค่ 5 ปี ยี่หุบปลี ออกดอกให้เชยชมเกือบตลอดทั้งปี แต่ส่วนใหญ่จะออก ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ี่หุบปลีขึ้นอยู่ ในป่าดิบชื้นในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ระดับ 50-500 ม. ในจังหวัดจันทบุรี และตราด ส่วนในภาคตะวันตกเฉียงใต้ พบขึ้นอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีบนภูเขาหินปูน ตามบริเวณ ริมน้ำตกและริมลำธารที่มีน้ำแช่ขัง
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ซึ่งใช้ระยะเวลาใน การปลูกเลี้ยงเพียงแค่ 5 ปีจึงเริ่มออกดอก ส่วนการ ตอนกิ่งและการปักชำพบว่าเป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ไม่ได้ ผล เนื่องจากยี่หุบปลีไม่ยอมออกราก ในปัจจุบันมีวิธี การขยายพันธุ์ที่จะให้ออกดอกได้อย่างรวดเร็ว คือการ ทาบกิ่งกับต้นที่ออกดอกแล้ว โดยใช้ยี่หุบปลีเป็นต้นตอ

พุงทะลาย






            พุงทะลาย  เป็นพรรณไม้ในวงศ์ ( Sterculiaceae ) กระจายพันธุ์อยู่ในป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา พบมากใน จังหวัดจันทบุรีและอุบลราชธานี ต่างประเทศพบในพม่า กัมพูชา และมาเลเซีย สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกเลี้ยง พุงทะลายเพื่อเก็บผลแก่ จำเป็นต้องอาศัยความอดทน เพราะพรรณไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตช้า กว่าจะมีความสูง 20 ม. และออกดอกติดผลได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 20 ปี พุงทะลายยังเป็นสมุนไพรที่ชาวจีนนำมาใช้ในการ รักษาโรคมาช้านาน โดยใช้พุงทะลายและชะเอมต้มกับ น้ำ แล้วจิบบ่อยๆ แก้เจ็บคอ ส่วนในอินเดีย ชาวภารตะ ก็ใช้พุงทะลายในการรักษาอาการอักเสบ แก้ไอและขับเสมหะ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้น การทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ป้องกันและทำลาย เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย และมีฤทธิ์ ต้านอักเสบ
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

นมสวรรค์ต้น




            นมสวรรค์ต้น เป็นพรรณไม้หายากถิ่นเดียวของไทยในสกุลนมสวรรค์หรือพนมสวรรค์ มีชื่อระบุชนิด smitinandii นมสวรรค์ต้นเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าดิบชื้นที่ระดับความสูง 800-1,000 ม. เฉพาะในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว และอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี นมสวรรค์ต้น เป็นพรรณไม้เพียงชนิดเดียวในสกุลนมสวรรค์ที่มีลักษณะเป็นไม้ต้น มีกิ่งก้านเหนียวส่วนพรรณไม้อื่นๆ ที่เหลือจะเป็นไม้พุ่ม ทั้งพุ่มเล็กพุ่มใหญ่ และมีกิ่งก้านเปราะฉีกหักง่าย ลักษณะใบของนมสวรรค์ต้นจะมีความหนา เหนียว สีเข้มมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่ร่มและมีลมพัดรุนแรง รวมทั้งแตกใบจำนวนมากขึ้นเพื่อปรับตัวสู้กับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง

เล็งเก็ง




          เล็งเก็ง  บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความเป็นพรรณไม้พื้นถิ่นของปักษ์ใต้ เนื่องจากคำนี้เป็นชื่อที่
ชาวมุสลิมชายแดนไทย-มาเลเซียใช้เรียกพรรณไม้ชนิดหนึ่งในวงศ์จำปา ซึ่งมีการกระจายพันธุ์อยู่ในจังหวัดสงขลา ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ไปจนถึงตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย
เล็งเก็งเป็นไม้พื้นเมืองที่ชอบอากาศร้อนชื้นทรงพุ่มสวยงาม มีดอกขนาดใหญ่ และส่งกลิ่นหอมแรง
โดยจะเริ่มส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ดอกแรกแย้มในช่วงพลบค่ำ และสามารถส่งกลิ่นหอมไปไกลแม้กลีบดอกจะ
ร่วงลงสู่โคนต้นจนหมดแล้ว จึงเหมาะแก่การปลูกเป็นไม้ประดับ แต่ด้วยข้อจำกัดที่เล็งเก็งเป็นพรรณไม้หายากเพราะมีการกระจายพันธุ์ต่ำ
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด



พังกาหัวสุมดอกแดง



             พังกาหัวสุมดอกแดง จัดเป็นพรรณไม้ในวงศ์ ( Rhizophoraceae ) ที่มีการกระจายพันธุ์ในป่าชายเลนขึ้นตามดินเลนแข็ง หรือดินค่อนข้างแข็งและเหนียวและบริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึง บางครั้งบางคราวชาวบ้านใช้พังกาหัวสุมในงานก่อสร้าง เนื่องจากลำต้นมีเนื้อไม้ค่อนข้างแข็ง สามารถนำไปใช้เป็นเสาเรือน แพ คันเบ็ดเครื่องมือประมง หรือใช้ทำถ่านและฟืน รวมทั้งสร้างที่อยู่อาศัย ลำต้นพังกาหัวสุมดอกแดงยังใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ ส่วนเปลือกของลำต้นจะให้น้ำฝาดสำหรับทำสีย้อมผ้า ย้อมอวนชนิดหนา และย้อมหนังได้อย่างดี คนโบราณมักใช้พืชชนิดนี้เป็นยาฝาดสมานแก้ท้องเสียและไข้มาลาเรีย ใช้กินกับหมากในบางครั้ง และใช้หยอดตา ฝักก็ยังนำไปเชื่อมรับประทานเป็นของหวาน รสชาติคล้ายสาเกเชื่อมได้
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

ฝาดดอกเเดง



             ฝาดดอกแดง  เป็นพรรณไม้ในวงศ์ ( Combretaceae ) มีการกระจายพันธุ์บริเวณด้านในของป่าชายเลนในภาคใต้และภาคตะวันออก เจริญเติบโตในดินร่วนและมีความเค็มน้อย และมักพบขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณปากแม่น้ำที่เป็นดินเลนแข็งหรือดินทราย ฝาดดอกแดงเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 6-10 ม. เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ลุ่มน้ำมีความชุ่มชื้นและมีแสงแดดส่องถึงเพื่อให้รากพิเศษที่งอกออกตามลำต้นหายใจได้ ชาวบ้านในท้องถิ่นยังนำฝาดดอกแดงมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิ การปลูกสร้าง
ที่อยู่อาศัย และใช้เป็นสมุนไพรในการรักษาโรค
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

ตีนเป็ดเเคระ



               ตีนเป็ดแคระ  พรรณไม้ถิ่นเดียวของไทย ซึ่งอยู่ใน สกุลสัตบรรณ หรือตีนเป็ดที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง ตีนเป็ดแคระสำรวจพบครั้งแรกในประเทศไทยโดยนักพฤกษศาสตร์ต่างชาติจากซีกโลกตะวันตก นามว่า Curtis ที่จังหวัดพังงา และมีรายงานการตั้งชื่อในปี 2450 ตีนเป็ดแคระยัง
สามารถปรับตัวได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเมื่อนำตีนเป็ดแคระที่ตามปกติเติบโตอยู่บนเขาหินปูนลงมา
ปลูกในพื้นราบก็สามารถเจริญเติบโตได้ดี และออกดอกตลอดปี ต่างจากตีนเป็ดแคระในถิ่นกำเนิดที่จะออกดอกเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมเท่านั้น
การขยายพันธุ์ : ปัจจุบันมีการนำมาขยายพันธุ์โดยการปักชำกิ่งซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายและได้ผลดี อีกทั้งปลูกใช้ประโยชน์เป็นไม้ประดับกระถาง ซึ่งเมื่อปลูกเป็นไม้กระถางจะสามารถออกดอกได้ตลอดปี แตกต่างจากต้นในถิ่นกำเนิดเดิมบริเวณภูเขาหินปูนที่จะสามารถออกดอกได้ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมเท่านั้น


บุหรงใบนวล



           บุหรงใบนวล เป็นพรรณไม้ที่หายากในสภาพธรรมชาติ ถึงแม้จะมีถิ่นกำเนิดกระจายกว้างตั้งแต่
ประเทศจีน ( ตอนใต้ ) ลงมาเวียดนาม ลาว จนถึงประเทศไทย แต่พบจำนวนต้นน้อยมากในแต่ละพื้นที่
ทั้งนี้อาจเนื่องจากอัตราการงอกของเมล็ดต่ำ และเจริญเติบโตได้ค่อนข้างยาก สำหรับในประเทศไทย บุหรงใบนวลมีการกระจายพันธุ์อยู่ในป่าดิบชื้นตามริมลำธารหรือข้างน้ำตก ที่จังหวัดเชียงใหม่ เลย กาญจนบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในระดับความสูง 200-1,500 ม. เหนือระดับน้ำทะเล บุหรงใบนวลเป็นพรรณไม้ในวงศ์กระดังงา มีช่วงฤดูดอกบานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมส่วนผลจะแก่ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

มังตาน

          




           มังตาน ถือเป็นพรรณไม้พิเศษในวงศ์ ( Theaceae ) ที่เรียกกันว่า ไม้ไร้ถิ่น เนื่องจากสามารถขึ้นได้ในทุก สภาพภูมิประเทศ จึงสามารถเจริญเติบโตได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลขึ้นไปจนถึงยอดเขาสูงในภาคเหนือมังตานเป็น พรรณไม้ที่มากด้วยคุณค่า โดยในตำราไทยมีการใช้ ดอกแห้งของมังตานแช่หรือชงน้ำให้สตรีที่คลอดบุตร ใหม่ๆ ดื่มต่างน้ำแก้โรคขัดเบา และรักษาโรคชักลม- บ้าหมู ส่วนต้นและกิ่งอ่อนใช้แก้คลื่นไส้อาเจียนหรือ หยอดหูแก้ปวด นอกจากนี้พวกชาวบ้านยังมักใช้เปลือก ต้นมังตานมาเบื่อปลาหรือบดเป็นผงแต่งกลิ่นธูปหอม
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง

จำปาหลวง



             จำปาหลวง เป็นพรรณไม้ในวงศ์ ( Magnoliaceae ) มีการค้นพบครั้งแรกของโลกในประเทศพม่า ฝั่งที่ติดกับอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ สำหรับประเทศไทย พบกระจายอยู่บนภูเขาสูงตามแนวแบ่งเขตแดนไทยกับพม่าตั้งแต่จังหวัดตากเรื่อยลงมาถึงพังงา และมีการกระจายพันธุ์ในป่าดิบเขา ตามแนวสันเขา ริมธาร และในหุบเขาที่ระดับความสูง 600-1,000 ม. ทางภาคเหนือภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคใต้ จำปาหลวงมีช่วงฤดูดอกบานอยู่ในเดือนพฤศจิกายน
การขยายพันธุ์ : จำปาหลวงเป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด ยังไม่สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นได้โดยควรเก็บผลแก่ที่มีผลย่อยเริ่มแตกเพียงเล็กน้อยมาผึ่งไว้ในร่ม 2-3 วัน ผลจะแตกมากขึ้น แล้วแกะเมล็ดนำไปเพาะ จะงอกเป็นต้นกล้าได้ดี สำหรับผู้ที่หวังว่าจะขยายพันธุ์จำปาหลวงโดยวิธีการทาบกิ่ง หรือเสียบยอดโดยใช้จำปาเป็นต้นตอนั้นไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากพันธุกรรมค่อนข้างห่างกัน มีอยู่ทางเดียวที่กระทำได้คือ ใช้ต้นตอจำปาหลวงมาทาบกับยอดของจำปาหลวงเท่านั้น

จั่นน้ำ




            จั่นน้ำ เป็นพรรณไม้ในวงศ์ ( Boraginaceae ) มีการกระจายพันธุ์ตามเขาหินปูนในระดับต่ำ ที่มีความชื้นบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันตกเฉียงใต้ ในระดับความสูง 20-50 ม. เช่น จังหวัดสระบุรี ลพบุรี และกาญจนบุรี เนื่องจากเป็นพรรณไม้ที่ออกดอกและติดผลเกือบตลอดปี ผู้สำรวจพบครั้งแรกจากพื้นที่ชายป่าพุในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ระดับความสูง 18 ม.ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม เป็นช่วงฤดูดอกบาน จั่นน้ำยังมีลักษณะพิเศษคือ ชอบขึ้นเกาะหิน และสามารถดัดแต่งกิ่งไม้ให้มีรูปทรงแบบต่างๆ
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ใช้วิธีเพาะจากเมล็ดแต่ปัจจุบันมีการตัดกิ่งมาปักชำและปลูกเป็นไม้กระถางเนื่องจากมีช่อดอกสวยงาม สีสันสดใส

กลาย




             กลาย  เป็นพรรณไม้ในวงศ์กระดังงา( Annonaceae ) กลายเป็นพรรณไม้ที่กระจายพันธุ์อยู่ในป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี ที่ระดับความสูง 50-700 ม. เหนือระดับน้ำทะเลที่มีช่วงฤดูดอกบานยาวนานที่สุดชนิด
หนึ่ง รองจากกระดังงาสงขลา และกระดังงาจีน สำรวจพบโดย A.Keith นักสำรวจพรรณไม้ชาวนิวซีแลนด์ ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในระดับความสูง 100 ม.กลายเป็นพรรณไม้ยอดนิยมของบรรดานักชมธรรมชาติและนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง เนื่องจากพรรณไม้ชนิดนี้มีกลิ่นหอม
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ทาบกิ่ง และเสียบกิ่ง การคัดเลือกแม่พันธุ์ควรเลือกจากต้นที่มีกลิ่นหอมแรง ดอกดกและออกดอกตลอดปี การปลูกต้นกล้าจากการเพาะเมล็ดจะได้ทรงพุ่มที่กลมแน่น สวยงาม แต่การปลูกจากการทาบกิ่งหรือเสียบกิ่ง จะมีทรงพุ่มที่สูงชะลูด

ตำหยาวผลตุ่ม





              ตำหยาวผลตุ่ม เป็นพรรณไม้ในวงศ์ ( Annonaceae ) หรือวงศ์กระดังงา มีเขตกระจายพันธุ์และถิ่นกำเนิดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไทย ส่วน           ต่างประเทศพบที่ภูมิภาคอินโดจีน ขึ้นในป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้งที่มีเรือนยอดแน่นทึบ ระดับความสูง
200-600 ม. ออกดอกและผลเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมปัจจุบันถูกจัดอยู่ในสถานภาพพืชหายาก เหมาะที่จะปลูกเป็นพรรณไม้ประดับในงานจัดภูมิทัศน์ตามสวนสาธารณะ ปลูกในสนามกอล์ฟ สนามของ
ส่วนราชการ โรงเรียนหรือสำนักงานของภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่มีฝนตกชุก มีปริมาณน้ำฝนแผ่กระจายเกือบตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นพรรณไม้ที่ต้องการความชื้นสูงจึงจะเจริญเติบโตได้ดี
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธ์ุโดยการเพาะเมล็ด ใช้เวลาเดือนครึ่งจึงเริ่มงอกต้นกล้าระยะแรกมีขนาดเล็กและเจริญเติบโตช้ามากชอบอยู่ในที่ร่มเงา และมีความชื้นสูง

กะหนาย

             



               กะหนาย เป็นพรรณไม้ที่อยู่ในวงศ์ปอ ( Steraculiaceae ) ในสกุลกะหนาย ( Pterospermum )
สำรวจพบครั้งแรกโดยหมอคาร์ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี บริเวณใกล้ชายหาด พรรณไม้ชนิดนี้มีใบ
ลักษณะพิเศษกว่าพรรณไม้ชนิดอื่นตรงที่ใบของต้นอ่อน หรือใบของกิ่งที่แตกมาจากต้นที่ถูกตัดยอดจะมีลักษณะคล้ายฝ่ามือ ในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม กะหนายจะทยอยออกดอกสีขาวขนาดใหญ่ ใบของกะหนายส่วนชาวบ้านในท้องถิ่นนิยมนำใบมาทับให้เรียบแล้วตากแดดให้แห้ง นำไปจัดเป็นดอกไม้แห้ง หรือจัดใส่ในกรอบรูป นำไปจำหน่ายสร้างรายได้
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธ์ุโดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

รัง

           




             รัง เป็นพรรณไม้ในวงศ์ Dipterocarpaceae และเป็นพรรณไม้ชนิด เดียวกับต้นสาละอินเดีย (Shorea robusta C.F.Gaertn) ที่มีการ กระจายพันธุ์เป็นไม้เด่นในป่าเต็งรัง และยังพบในป่า เบญจพรรณแล้งและป่าแดงทั่วไป พบมากในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงฤดูผลัดใบ ใบของ ต้นรังจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมส้ม สวยงามไปทั้งราวป่า ดอกมีกลิ่นหอมเย็น ออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึง มีนาคม ส่วนเวลาติดผล เมื่อผลแก่ถูกแรงลมจะปลิว ว่อนหมุนคว้างก่อนร่อนลงบนผืนดินคล้ายเป็นพรมลูกรัง
การขยายพันธ์ุ :  ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด สามารถเก็บผลแก่ ของต้นรังได้ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน แล้วนำมาเพาะ เมล็ด ต้นกล้างอกได้ดีแต่เจริญเติบโตช้า ต้องบำรุงรักษา ต้นกล้าเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี จึงจะนำต้นกล้าไป ปลูกในแปลงได้

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

About Me


                                     

ชื่อ : เด็กหญิงปวริศา  สง่างาม 
ชื่อเล่น : มายด์
อายุ : 14
เกิดวันที่ : 26 มิถุนายน 2544
อยู่โรงเรียน : สงวนหญิง จังหวัด สุพรรณบุรี 
http://www.sysp.ac.th/